Page 92 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 92

92





                         1. ใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อน
               กล่าวคือ เจ้าของกรรมสิทธิ์มีสิทธิในการใช้สอยประโยชน์ในทรัพย์สินของตนเองได้แต่ต้องอยู่ภายใต้


               หลักกฎหมาย มาตรา 5 มาตรา 6 และมาตรา 421 กำหนดให้การใช้สิทธิแห่งตนต้องกระทำโดยสุจริต
               และการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วย (ประมูล


               สุวรรณศร. 2525 : 219) หากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ใช้สิทธิในทรัพย์สินของตนแล้วเป็นเหตุให้

               เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อน เจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิจะ

                          ื่
               ปฏิบัติการเพอยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปและสามารถทจะเรียกเอาค่าทดแทนได้ เช่น
                                                                          ี่
               เป็นเจ้าของที่ดินใจกลางเมืองหลวงจำนวน 10 ไร่ แต่ประกอบธุรกิจเลี้ยงหมูและชำแหละหมู ทำให้

               เจ้าของที่ดินข้างเคียงได้รับผลกระทบจากเสียงหมูร้อง กลิ่นเหม็น น้ำโสโครก หรือกรณีเก็บของในตึก

                        ั
               หนักเกินอตราทำให้ตัวตึกติดกันเสียหาย ทำการดัดแปลงต่อเติมบ้านสูงขึ้นจนปิดกั้นแสงแดดและ
               ทิศทางลม เป็นต้น จึงเป็นการใช้สิทธิเกินส่วน

                         2. เป็นความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติ

               กล่าวคือ ความเสียหายหรือเดือดร้อนที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับนั้นต้องเกินกว่าที่วิญญูชนทั่วๆ

               ไปจะคิดหรือคาดหมายได้ตามปกติ ทั้งนี้อาจเกิดต่อตัวบุคคลและทรัพย์สินก็ได้ แต่ต้องเป็นคนใน

               ท้องถิ่นทำเลเดียวกันนั้นเห็นว่ามันเกิดความเสียหายเดือดร้อนเกินจะทานทนได้ (บัญญัติ  สุชีวะ.

               2544 : 227)  เช่น ปล่อยควันไฟที่เกิดจากโรงงานขนาดใหญ่ซึ่งเดิมเป็นโรงงานขนาดย่อม แต่เปลี่ยน

               มาใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ปรับเป็นโรงงานขนาดใหญ่และปล่อยสารเคมีที่เป็นอนตรายออกมาด้วย
                                                                                  ั
               เป็นต้น

                         3. มีเหตุอันควรในเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่แห่งทรัพย์สินนั้นมาคำนึงประกอบ ทั้งนี้

               เพอใช้ประกอบการพจารณาว่าความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นเกินกว่าที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่า
                 ื่
                                 ิ
               จะเป็นไปตามปกติหรือไม่ เช่น เป็นคนรักความสงบแต่ไม่ซื้อที่ดินใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ยอมรู้

               แล้วว่าสนามบินต้องเสียงดัง หรือไปสร้างบ้านใกล้กับตลาดสดก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าเสียงจะต้องดังจาก

                                  ื่
                 ่
               พอค้าแม่ค้า ซึ่งคนอนๆ ที่อาศัยอยู่มาก่อนทนได้ เช่นนี้ต้องนำสภาพและตำแหน่งที่อยู่แห่ง
               อสังหาริมทรัพย์มาประกอบว่าจะอ้างว่าเสียหายและเดือนร้อนจนถึงขนาดหรือไม่อย่างไรด้วย (บัญญัติ

               สุชีวะ.  2540 : 188)

                                                                  ื่
                         4. เจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิจะปฏิบัติการเพอยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้
                           ่
               สิ้นไป ทั้งนี้ไมลบล้างสิทธิที่จะเรียกเอาค่าทดแทน กล่าวคือ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิที่จะขจัดปัด
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97